จริยธรรมในวิชาชีพกฎหมาย
โดย ศาสตราจารย์ (พิเศษ) วิชา มหาคุณและคณะ
จริยธรรม คือ
อุดมการณ์หรือจุดมุ่งหมายอันสูงสุดที่ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายควรไปให้ถึง อันได้แก่
ความยุติธรรม การดำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของสังคม และการใช้หลักเหตุผลยิ่งกว่าการกระทำตามอำเภอใจ
งานของผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายจึงเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่
เพราะคุณค่าของงานเป็นการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ความดีงาม และศีลธรรมของสังคม ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายจึงจำเป็นต้องมีจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป
มีจิตใจที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว เพื่อให้สามารถดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี
เป็นที่รักและเคารพ ความเชื่อมั่น ศรัทธาและการได้รับความไว้วางใจจากสาธารณชน จริยธรรมจึงเปรียบเสมือนเข็มทิศและแสงสว่างซึ่งทำหน้าที่ช่วยนำทางผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายให้สามารถเดินทางไป สู่จุดมุ่งหมายของเจตนารมณ์ดังที่ตั้งใจ
และยังทำหน้าที่ในการแยกผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายที่เป็น “ มืออาชีพ ” ออกจาก “ ผู้ที่เป็นเพียงผู้ใช้ความรู้ด้านกฎหมายในการทำมาหากินเพื่อแสวงหาประโยชน์ใส่ตัว
”
ปริมาณงานของผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายจะมากหรือน้อยเพียงใด
มองภายนอก เหมือนว่าจะมาจากคดีความหรือความขัดแย้งที่เกิดจากผู้คนในสังคม แต่ภายในคือความไม่เท่าเทียมกัน ความไม่ได้รับความยุติธรรม การเอารัดเอาเปรียบ อันเกิดจากความรัก
โลภ โกรธ หลงของผู้คนในสังคม ที่ล้วนแต่เป็นปรากฏการณ์ที่เป็น “ ความป่วยทางจิตวิญญาณ
” ดังนั้น บทบาทของผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายในยุคต่าง
ๆ จึงมิใช่ทำหน้าที่เพียงรักษาความบริสุทธิ์และความยุติธรรมแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นผู้ที่มีบทบาทในการรักษาอาการป่วยของ ผู้คนในสังคมที่ต้องการความยุติใน “ ความ ” ด้วย
เช่นเดียวกับแพทย์ที่รักษาคนไข้ และในขณะเดียวกันก็เป็น ผู้ที่มีหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งจริยธรรมและศีลธรรมของสังคม
งานวิจัยนี้ได้มีการศึกษาถึงพัฒนาการของหลักจริยธรรมในวิชาชีพกฎหมายของไทยและ
ต่างประเทศ
ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน
จากแนวคิด ทฤษฏี และอุดมการณ์ มาเป็นข้อห้าม ข้อควรกระทำและมาตรฐานวิชาชีพที่ได้รับการบัญญัติรองรับไว้เป็นกฎหมาย
และเป็นผลงานวิจัยฉบับแรกของวงการกฎหมายที่ได้มีการรวบรวมความคิดเห็นทั้งจากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ
ผู้ทรงคุณวุฒิ และแบบสอบถามความคิดเห็นจากผู้พิพากษา
ตุลาการศาลปกครอง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
พนักงานอัยการ ทนายความ และประชาชน ในประเด็นเกี่ยวกับสภาพปัญหาจริยธรรมวิชาชีพ
ผลกระทบ กลไกการบังคับใช้ และข้อเสนอแนะ รวมทั้งมีการสำรวจทัศนคติการให้ความสำคัญกับระดับปัญหาจริยธรรมของแต่ละกลุ่มวิชาชีพโดยแบ่งระดับความร้ายแรงมากถึงร้ายแรงน้อยไว้โดยละเอียด จึงเป็นงานวิจัยที่มีทั้งเนื้อหาสาระเชิงแนวความคิด
ทฤษฎี และการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นที่ได้จากแบบสอบถาม
ผลสรุปที่ได้จากการศึกษาเปรียบเทียบพัฒนาการทางกฎหมาย
พบว่า แม้ว่าปรัชญาตะวันออกและตะวันตกจะมีที่มาของแนวความคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับหลักจริยธรรม
ประวัติศาสตร์ และความเป็นมา สภาพเศรษฐกิจและสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา
ระบบการเมืองการปกครอง ประสบการณ์ในการต่อสู้กับอำนาจรัฐ
และระบบกฎหมายที่แตกต่างกันก็ตาม
แต่หลักจริยธรรมในวิชาชีพกฎหมายของตะวันออกและตะวันตกนั้น
ล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือความยุติธรรมอันนำมาซึ่งความสงบสุขของสังคม
นอกจากนี้ ยังเห็นตรงกันว่าหลักจริยธรรมวิชาชีพเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การประพฤติ
ปฏิบัติของ ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายได้รับการยอมรับจากสาธารณชน
และมีความสำคัญต่อการดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงแห่งรัฐ
หลักจริยธรรมคือความรับผิดชอบของผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย
เป็นหัวใจสำคัญอันทำให้วิชาชีพมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากผู้ประกอบอาชีพทั่วไป รวมทั้งเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายสามารถเดินทางไปถึงจุดมุ่งหมายอันเป็นความฝันอันสูงสุด
และประสบความสำเร็จที่จะได้เห็นภาพความงดงามของบ้านเมืองที่มีสงบสุข และมีสันติภาพ
ความมั่นคงแห่งรัฐ สมดั่งที่ได้ตั้งใจไว้ไปพร้อมกันกับประชาชนในรัฐ ที่รักและศรัทธา
และเห็นคุณค่าของงานที่ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายได้ร่วมกันสร้างขึ้น
แบบสอบถามความคิดเห็นที่งานวิจัยฉบับนี้ได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายและประชาชน
มีจุดเด่นสำคัญคือการแสดงให้เห็นถึงความตระหนักของผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายกับความคาดหวังของประชาชนและด้วยการเข้ามามีส่วนร่วมกันอย่างเท่าเทียมกันโดยมีจุดประสงค์ร่วมกันนี้ช่วยให้ค้นพบข้อสรุปและข้อเสนอแนะความคิดเห็นที่ร่วมกัน
ทันสมัย ตรงกับความเป็นจริงและเป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งและช่องว่างทางความคิดระหว่างกัน
ผลสรุปของการวิจัยคือ ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายในประเทศไทย
ก็ไม่อาจหนีพ้นจากความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคม ไม่ว่าในทางเศรษฐกิจ การเมือง
และสังคม ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพกฎหมาย
โดยเฉพาะค่านิยมทางสังคมที่มุ่งเน้นวัตถุนิยม และบริโภคนิยมเป็นหลัก
ทำให้ความประพฤติอันเป็นพื้นฐาน (norm) ได้หันเหออกจากหลักกฎหมาย
ศีลธรรม และจริยธรรม ซึ่งทั้งสามสิ่งนี้คือแนวทางสำคัญของจริยธรรมวิชาชีพกฎหมาย และจากการเก็บข้อมูลได้ชี้เห็นถึงความห่วงใยของผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายว่า
ปัจจุบันมีปัญหาการขาดความรู้ความสามารถ และความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน
มีปัญหาเรื่องการทุจริต การวิ่งเต้นคดีเพื่อหวังผลให้เกิดการพลิกคดีมากขึ้น
การให้ความสำคัญกับลัทธิบริโภคนิยม วัตถุนิยม อำนาจนิยม
ส่งผลให้มีการฝ่าฝืนและละเมิดจริยธรรม ในระดับสูงยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน และความบกพร่องในด้านจริยธรรมส่วนตน
ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อจริยธรรมสาธารณะ ไปด้วย
จากผลการรวบรวมและสำรวจทัศนคติของประชาชน
ทำให้เห็นว่าประชาชนยังคงเชื่อมั่นในวิชาชีพกฎหมาย และมีแนวโน้มที่จะมีความคาดหวังต่อผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายมากยิ่งขึ้น
อันจะนำไปสู่การปรับปรุง เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิชาชีพกฎหมายทั้งในด้านการพัฒนาระบบกฎหมาย การปรับปรุงการบริหารงานบุคคลขององค์กรวิชาชีพ และการปลูกฝังอุดมการณ์ ค่านิยมที่ถูกต้อง ปลุกจิตสำนึก การปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนและการศึกษาในสถาบันการศึกษากฎหมาย การปรับปรุงระบบการตรวจสอบขององค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น
ให้เกิดการยกระดับจริยธรรมในวิชาชีพกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม
และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เศรษฐกิจและสังคม
เพื่อให้วิชาชีพกฎหมายสามารถดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน และความมั่นคงของรัฐในท้ายที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น